ประเพณีไทยภาคอีสาน
ประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร
เมื่อถึงเดือน ๖ ชาวอีสานจะมีการจัดงานประเพณีที่สำคัญ หนึ่งในฮีตสิบสอง จากความเชื่อในการบูชาพญาแถนให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พร้อมเข้าสู่การทำนาครั้งใหม่ และกล่าวกันว่าหากหมู่บ้านใด ชุมชนไหน มิได้จัดงานประเพณีนี้ขึ้นในปีนั้นๆ ฝนก็จะไม่ตก พื้นดินก็จะแห้งแล้งไม่สามารถทำการเพาะปลูกใดๆ ได้
เมื่อถึงวันงาน ก่อนการประกวดประชันบั้งไฟประเภทต่างๆ จะมีขบวนแห่บั้งไฟตกแต่งด้วยสีสันที่สวยงาม ตามมาด้วยเสียงดนตรีบรรเลงให้จังหวะในการเซิ้งบั้งไฟ เซิ้งกระติบ ฟ้อนขาลาย ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสาน และอีกหนึ่งสีสัน คือ ขบวนแห่การแต่งกายล้อเลียนบุคคล ผู้ชายบางคนสวมใส่ชุดหญิงสาวออกอากัปกิริยาอ่อนช้อย สร้างเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้ผู้พบเห็น
การแข่งขันบั้งไฟของยโสธรมีการแบ่งเป็นประเภทแฟนซี บั้งไฟขนาดเล็กมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒ นิ้ว บรรจุดินประสิวไม่เกิน ๔ กิโลกรัม เน้นที่ความสวยงาม รวมทั้งลีลา เมื่อจุดขึ้นฟ้าบางทีมอาจมีร่มหลากสีกางออก หรือมีเสียงประกอบ และประเภทบั้งไฟแสนซึ่งใช้แข่งขันกัน โดยนับจากเวลาที่บั้งไฟขึ้นลอยอยู่บนท้องฟ้า บั้งไฟของใครขึ้นนานที่สุด สังเกตจากหางที่ตกลงสู่พื้นก็เท่ากับว่าขึ้นได้สูง และได้รับชัยชนะในที่สุด
เมื่อถึงเวลาแข่งขัน แต่ละทีมตระเตรียมความพร้อมก่อนจุดบั้งไฟให้ทะยานออกจากฐาน พร้อมด้วยเสียงบั้งไฟแหวกอากาศที่แสดงถึงความเร็ว ทิ้งควันสีขาวไปตามเส้นทางสู่ท้องฟ้า ของใครยิ่งสูง อยู่บนฟ้าได้นาน ก็จะได้รับชัยชนะ ส่วนทีมที่พ่ายแพ้ บั้งไฟระเบิด หรือไม่ขึ้นก็ต้องถูกกระชากลากลงไปในบ่อโคลนเป็นที่สนุกสนาน อันเป็นการสานความสามัคคีระหว่างชุมชน และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานทุกครั้งไป
– วันเวลาการจัดงาน : ช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
– สถานที่จัดงาน : ณ สวนสาธารณะพญาแถน และเขตเทศบาลเมืองยโสธร
ประเพณีไทยภาคใต้
ประเพณีแข่งเรือหน้าพระที่นั่ง และงานของดีเมืองนรา จังหวัดนราธิวาส
“สีสันเรือกอและอันคงเอกลักษณ์ จากวิถีชีวิตชาวประมงนำสู่ประเพณีท้องถิ่น เหล่าฝีพายนับสิบประจำในลำเรือ จากนั้นจึงจ้ำพายสู่หลักชัย ใครเร็วกว่าคือผู้ชนะ เสียงปรบมือโห่ร้องส่งกำลังใจจากกองเชียร์ดังรอบ ภาพบรรยากาศประเพณีแข่งเรือหน้าพระที่นั่ง และงานของดีเมืองนรา จึงเต็มไปด้วยสีสันเช่นความงามของลำเรือ”
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ทรงเสด็จออกเยี่ยมราษฎร เพื่อรับฟังปัญหาความทุกข์ร้อนของประชาชน เป็นที่มาของโครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ช่วยให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ชาวนราธิวาสจึงได้นำเอาการแข่งขันเรือกอและประเพณีไทยอันเก่าแก่ถวายทอดพระเนตรเพื่อเทิดพระเกียรติในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น นำไปสู่การปฏิบัติตามประเพณีซึ่งเริ่มจางหายไปให้กลับมาดำรงอยู่อีกครั้ง
ในฤดูน้ำหลาก วิถีชีวิตของชาวประมงยังคงดำเนิน ขณะที่อีกด้านถือเป็นโอกาสประชันความแข็งแกร่งของเหล่าฝีพายจากทั่วหมู่บ้าน ตำบล เรือกอและหลากสีสันลอยลำเป็นระนาบเดียวกันบนผืนน้ำ แล้วจึงกระโจนออกไปด้วยแรงสามัคคีจากเหล่าฝีพาย มุ่งตรงไปยังหลักชัยด้วยจังหวะอันพร้อมเพรียง ผืนน้ำกระเซ็นเป็นละออง เพียงแค่อึดใจเดียวผู้เร็วกว่าจึงได้คว้าเอาธงซึ่งถือเป็นหลักชัยมาครอง และนับเป็นชัยชนะในเที่ยวนั้น
การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสี่รอบ เหล่าฝีพายแต่ละลำเรือไม่เกินยี่สิบสามคน รวมทั้งนายท้าย มีฝีพายสำรองไม่เกินลำละห้าคน การเข้าเส้นชัยจะนับส่วนหัวเรือสุดของเรือที่เข้าเส้นชัยก่อนลำอื่นเป็นผู้ชนะในรอบนั้น ทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเริ่มการแข่งขัน เสียงเชียร์จะดังกึกก้องท้องน้ำ เรือกอและยังคงเอกลักษณ์ด้วยสีสัน เลี้ยงชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านมาช้านาน ในวันนี้ได้สร้างความรื่นเริง สนุกสนาน ลดความเหนื่อยล้าจากการงาน สร้างรอยยิ้มให้กับชาวบ้านได้อย่างน่าชม
- วันเวลาการจัดงาน : ปลายเดือนกันยายนของทุกปี
- สถานที่จัดงาน : บริเวณหน้าพลับพลาเฉลิมพระเกียรติสิริราชสมบัติ ครบรอบ ๕๐ ปี อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น